===> ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา <===
+2
*~xaou~*
Giotto
6 posters
หน้า 1 จาก 1
===> ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา <===
[You must be registered and logged in to see this image.]
นำข้อมูลมาจาก
http://www.geocities.com/p_knun ครับ
เรือเดินทะเลที่หายสาบสูญไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น
ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลซากัสโซ"
และ สาเหตุที่ท้องมหาสมุทรแห่งนี้มีนามว่าทะเลซากัสโซ
ก็เพราะอาณาเขตบริเวณแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย
สาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า
สาหร่ายซากัส
ซั่ม
โดยสาหร่ายชนิดนี้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรืออย่าง
ยิ่ง และเหตุ
เหตุการณ์ประหลาดลึกลับทางทะเลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาล
มักจะมีต้นตอมาจาก ทะเลซากัสโซเสียเป็นส่วนมาก ชาวฟีนีเชียนโบราณที่เคยใช้เรือเดินทางผ่านท้องทะเลมหาภัยแห่งนี้มา
ตั้งแต่หลายพันปีก่อน ได้บันทึกปรากฏการณ์ประหลาดต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก
ท้องทะเลซากัสโซ่
มีอาณาเขตบริเวณกว้างใหญ่อยู่ทางตะวันตก
เฉียงเหนือของมหาสมุทรแอ๊ตแลนติค
บริเวณแห่งนี้จะเต็มไปด้วย สาหร่ายทะเลลอยฟ่องเต็มไปหมด -
เมื่อตอนที่โคลัมบัสแล่นเรือผ่านท้องทะเลแห่งนี้เป็นครั้งแรก
กลาสีเรือต่างตื่นเต้นที่คิดว่าเรือคงแล่นเข้าใกล้ฝั่งแห่งใดแห่งหนึ่งเข้า
ไปแล้ว
แต่แม้จะแล่นเรือต่อไปอีกนาน อาณา
เขตของ สาหร่ายแห่งนี้ก็หาหมดลงไปไม่
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ประจำของทะเลซากัสโซ คือ
ภูเขาทะเล
โดย
ภูเขาทะเลก็คือภูเขาที่อยู่ใต้พื้นน้ำ
แต่มีส่วนยอดแบนราบโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นน้ำเล็กน้อย มองดูคล้ายเกาะ
แต่ไม่มีพืชพันธ์ใดๆ
นอกจากตระใคร่น้ำเกาะอยู่เท่านั้นทะเลซากัสโซไม่เพียงแต่เป็นท้องทะเลที่
เต็มไปด้วยสาหร่ายยากแก่การเดินเรือ
เท่านั้น
แต่กิตติศัพย์ในความน่าสะพรึงกลัวของมันได้ถูกกล่าวขานกันอยู่เสมอ
บ้างก็ให้เชื่อว่าเป็นทะเลแห่งความหายนะ
หรือสุสานของเรือเดินสมุทรบ้างก็ว่าเป็นที่สิงสถิตของภูติผีปีศาจทะเล
หรือสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์
เรื่องราวต่าง ๆ
ที่พวกชาวเรือชอบนำมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับท้องทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนก็คือ
เรือจะถูกยึดนิ่งสงบรวมอยู่ในใจกลาง
ของทะเลซากัสโซ่
ตั้งแต่สมัยการการเดินทางโดยทะเลของพวกฟินีเชียน ไวกิ้ง โรมัน
หรือแม้แต่เรือต่าง ๆ
ในสมัยกลางของยุโรป
พวกเหล่านี้เชื่อว่าเรือเหล่านี้ลอยกองรวมกันพร้อมด้วยสมบัติมหาศาลที่
บรรทุกอยู่เหตุที่ไม่จมเพราะมีสาหร่ายจำนวนหนาแน่นรองรับอยู่ข้างใต้
มนุษย์ผู้พบท้องทะเลแห่งนี้เป็นพวกแรกเข้าใจว่าจะต้องเป็น
พวกฟินีเชียนและพวกคาร์ธายิเนียนโบราณ
ก็เพราะเป็นเวลา
หลายพันปีแล้วที่พวกนี้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอ๊ตแลนติคสู่อเมริกาหลักฐานที่
ปรากฏคือ
รอยแกะสลักบนแผ่นหินของพวกฟินีเชียน
ที่พบอยู่ในประเทศบราซิลขณะนี้ และศิลาจารึกในสุสานฝังศพของ
พวกคาร์ธายิเนียน เมื่อราว 500 ปี ก่อนคริศศักราชระบุว่า
เหนือท้องทะเลแห่งนี้มีแต่ความอ้างว้าง
เงียบเหงา
คล้ายกับสุสานใหญ่ที่มองจรดขอบฟ้าไปทุกด้าน ไม่มีแรงลม
พอที่จะพัดพาเรือให้แล่นไปได้ ใต้พื้นน้ำเต็มไปด้วย
สาหร่ายทะเลอย่างหนาทึบ
ซึ่งยึดเรือทั้งหลายให้หยุดนิ่งอย่างกับกำลังมหาศาลของหนวดปลาหมึกยักษ์
ท้องทะเลบางแห่งก็ตื้นเขินซึ่งเป็นที่อาศัย
ของสัตว์ประหลาด
มหึมาหลายสิบชนิด และบางครั้งมันก็ว่ายน้ำ
เข้ามาทำลายเรือทั้งลำให้กลายเป็นผุยผงไปในพริบตา
[You must be registered and logged in to see this image.]
เรือกูดนิว
ซึ่งเป็นเรือลากจูงเครื่องดีเซล ซึ่งได้ทำสงครามชักคะเยอ
กับพลังลึกลับในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา และสามารถรอดพ้นอันตรายมาได้
ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอ็ตแลนติคภาคตะวัน
ตก
พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจาก ตอนเหนือของเบอร์มิวดาไปถึง
ตอนใต้ของรัฐฟลอริดา-และจากฟลอริดามุ่งตรงไปทาง
ตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง
ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก
จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวดาอีกซึ่งทำให้อาณา
บริเวณแห่งนี้
กลายเป็นรูป
สามเหลี่ยม
และอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด ปรากฏการณ์
อันลี้ลับ
มหัศจรรย์ขึ้น ในยุคอวกาศของชาวเรา
ในปัจจุบันเป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอกท่านว่า
เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่อง
และเรือเดินสมุทร
จำนวนอีกมากหลายได้
หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอย
ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้หายไปพร้อมกับ
พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว หรือเศษชิ้นส่วนใดๆของเรือ
หรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน
และชีวิตมนุษย์
ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม เบอร์มิวดายังคงปรากฏอยู่ต่อไป
และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ชาติต่างๆ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า
ก็หาสาเหตุแห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน
แต่ก็ไม่มีใคร
สามารถบอกสาเหตุ และหาทางป้องกัน
จากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ไม่
เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้
ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์
หรือสถานีปลายทางเป็นไปอย่างปกติ และสภาพของบรรยากาศ และทัศนะวิสัย ก็สงบ
และแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใดๆ แต่แล้ว
เมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไปอย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย
ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าว-ทาง วิทยุให้หน่วยควบคุม
การบินทราบได้
แต่ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ
นักบินมีเวลาพอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการได้ ซึ่งทุก
รายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า
ไม่สามารถควบคุมกลไก
ต่างๆ
ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุนปั่นไม่สามารถบอกทิศทางได้
ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลือง และมองดูคล้ายหมอกหนาทีบ ทั้งๆ
ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้ามาก่อน และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ
กลับปั่นป่วน ขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้
[You must be registered and logged in to see this image.]
เครื่องบินแบบเดียวกับเครื่องบินทั้ง 5 ลำ ของฝูงบินที่ 19
ที่หายสาบสูญไปทั้งฝูง
พร้อมทั้งชีวิตนักบินและพลเรือนประจำ
เครื่องรวม 14 นาย ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม
1945
[You must be registered and logged in to see this image.]
เครื่องบินแบบ kc 135
ของกองทัพอากาศสหรัฐได้หายไป 2 เครื่องในเวลาเดียวกันเมื่อเดิน สิงหาคม
1963
อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้
เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร และ
เครื่องบินเป็นจำนวนมาก ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยัง
คงเกิดขึ้นเรื่อย
ๆ ไม่ได้ขาด จนกระทั่งในปัจจุบัน ทุกครั้งที่ได้รับรายงานการสูญหาย
หน่วยยามฝั่งที่เจ็ด ของกองทัพเรือสหรัฐ
จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ
แต่ก็ประสบความ
ล้มเหลวที่จะพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ได้ทุกครั้ง
และในที่สุดกอง
ทัพเรือสหรัฐก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี
้ไว้เป็นความลับ
ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใดๆ แก่ประชาชน ที่อยากรู้อยากเห็นว่า
อุบัติการณ์
ลึกลับเหล่านั้น
เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรือไม่
แต่ทั้งๆ ที่กองทัพเรือสหรัฐพยา-
ยามจะปกปิด เรื่องราวเหล่านี้ไว้
ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย ต่างๆ และเชื่อว่า จะต้องมีแรงอาถรรพ์
หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด ภายในบริเวณ
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างแน่นอน
และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีข่าวรายงานว่ามีนักบิน
และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ ในดินแดนของสาม
-
เหลี่ยมเบอร์มิวดา จึงทำให้
เกิดการฮือฮากันใหญ่ในขณะนี้
แต่อย่างไรก็ดีจวบจนกระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใดที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด
เกี่ยวแก่ความลึกลับ
และความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาได้ และการสาบสูญ
ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป
โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้
วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหลักการ
ในบางกรณี
หากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทรและเครื่องบิน
ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
จะพบว่าหาเป็นเรื่องประหลาดลึกลับแต่อย่างใดไม่เพราะเครื่องบินแต่ละลำ
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่
ล่องลอย
อยู่ในห้องโถงใหญ่
น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มีการเคลื่อนไหว
กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง
ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัสมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ
มักจะพบเห็นอยู่บ่อย ๆซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน"
จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำและ -
แหล่งหินประการัง
มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล
โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ
ปล่องเหล่านี้เชื่อว่า
เกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อนด้วย
-กระแสน้ำใต้ทะเลมาเป็นเวลานับหมื่นปี
เคยมีนักประดาน้ำดำลงไป สำรวจปล่องต่างๆ นี้
พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง
ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน
ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วย
กำลังอันมหาศาลซึ่งเป็นอันตราย
ต่อนักประดาน้ำมาก
และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน
ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือ
ลงสู่ก้นอย่างรวดเร็ว
อีกทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอนาโดซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว
จะกวาดเรือและเครื่องบิน ให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก
พายุทอร์นาโดเป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆ
ฟุตกลางอากาศและหากมันเกิดตอนกลางคืน
เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้ ก็เพราะ
นักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล
ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้น
เชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา
ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้
เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว
ปรากฏการณ์
อย่างหนึ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้
คือ
การผันแปร
ของอากาศอย่างทันทีทันใด
ที่
เรียกกันว่า
"แค๊ท (Cat -
clear
air turbulenec)"
โดยทั่วไปแล้ว "แค๊ท"
จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน
หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ
โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ
สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะที่กระแส
ลมพัดแรงและรวดเร็ว
จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันที
ซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย
แต่อย่างไรก็ดี
การผันแปรวิปริตของบรรยากาศทันทีทันใดในลักษณะเช่นนี้นั้น
จะต้องไม่ใช่สาเหตุการหายสาบสูญ ของเครื่องบินทุกลำ
ใน-บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นแน่
เพราะปรากฏการณ์ "แค๊ท"
จะไม่เป็นผล
ต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ
และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบิน
แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุ จะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป
การแปรผันของสนามแม่
เหล็กโลก
ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน
เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการทำงานของเครื่องวัดระดับ
และเข็มทิศประจำเครื่อง
ในกรณีเช่นนี้นักบินไม่มีความสามารถพอก็อาจจะนำเครื่องบินดิ่งลงสู่มหาสมุทร
ได้
ยิ่งกว่านั้นปรากฏการณ์ต่างๆ
ทางธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่อาจจะอธิบาย-หรือทราบสาเหตุของมันได้
นำข้อมูลมาจาก
http://www.geocities.com/p_knun ครับ
เรือเดินทะเลที่หายสาบสูญไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้น
ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลซากัสโซ"
และ สาเหตุที่ท้องมหาสมุทรแห่งนี้มีนามว่าทะเลซากัสโซ
ก็เพราะอาณาเขตบริเวณแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วย
สาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า
สาหร่ายซากัส
ซั่ม
โดยสาหร่ายชนิดนี้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรืออย่าง
ยิ่ง และเหตุ
เหตุการณ์ประหลาดลึกลับทางทะเลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณกาล
มักจะมีต้นตอมาจาก ทะเลซากัสโซเสียเป็นส่วนมาก ชาวฟีนีเชียนโบราณที่เคยใช้เรือเดินทางผ่านท้องทะเลมหาภัยแห่งนี้มา
ตั้งแต่หลายพันปีก่อน ได้บันทึกปรากฏการณ์ประหลาดต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก
ท้องทะเลซากัสโซ่
มีอาณาเขตบริเวณกว้างใหญ่อยู่ทางตะวันตก
เฉียงเหนือของมหาสมุทรแอ๊ตแลนติค
บริเวณแห่งนี้จะเต็มไปด้วย สาหร่ายทะเลลอยฟ่องเต็มไปหมด -
เมื่อตอนที่โคลัมบัสแล่นเรือผ่านท้องทะเลแห่งนี้เป็นครั้งแรก
กลาสีเรือต่างตื่นเต้นที่คิดว่าเรือคงแล่นเข้าใกล้ฝั่งแห่งใดแห่งหนึ่งเข้า
ไปแล้ว
แต่แม้จะแล่นเรือต่อไปอีกนาน อาณา
เขตของ สาหร่ายแห่งนี้ก็หาหมดลงไปไม่
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ประจำของทะเลซากัสโซ คือ
ภูเขาทะเล
โดย
ภูเขาทะเลก็คือภูเขาที่อยู่ใต้พื้นน้ำ
แต่มีส่วนยอดแบนราบโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นน้ำเล็กน้อย มองดูคล้ายเกาะ
แต่ไม่มีพืชพันธ์ใดๆ
นอกจากตระใคร่น้ำเกาะอยู่เท่านั้นทะเลซากัสโซไม่เพียงแต่เป็นท้องทะเลที่
เต็มไปด้วยสาหร่ายยากแก่การเดินเรือ
เท่านั้น
แต่กิตติศัพย์ในความน่าสะพรึงกลัวของมันได้ถูกกล่าวขานกันอยู่เสมอ
บ้างก็ให้เชื่อว่าเป็นทะเลแห่งความหายนะ
หรือสุสานของเรือเดินสมุทรบ้างก็ว่าเป็นที่สิงสถิตของภูติผีปีศาจทะเล
หรือสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์
เรื่องราวต่าง ๆ
ที่พวกชาวเรือชอบนำมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับท้องทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนก็คือ
เรือจะถูกยึดนิ่งสงบรวมอยู่ในใจกลาง
ของทะเลซากัสโซ่
ตั้งแต่สมัยการการเดินทางโดยทะเลของพวกฟินีเชียน ไวกิ้ง โรมัน
หรือแม้แต่เรือต่าง ๆ
ในสมัยกลางของยุโรป
พวกเหล่านี้เชื่อว่าเรือเหล่านี้ลอยกองรวมกันพร้อมด้วยสมบัติมหาศาลที่
บรรทุกอยู่เหตุที่ไม่จมเพราะมีสาหร่ายจำนวนหนาแน่นรองรับอยู่ข้างใต้
มนุษย์ผู้พบท้องทะเลแห่งนี้เป็นพวกแรกเข้าใจว่าจะต้องเป็น
พวกฟินีเชียนและพวกคาร์ธายิเนียนโบราณ
ก็เพราะเป็นเวลา
หลายพันปีแล้วที่พวกนี้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอ๊ตแลนติคสู่อเมริกาหลักฐานที่
ปรากฏคือ
รอยแกะสลักบนแผ่นหินของพวกฟินีเชียน
ที่พบอยู่ในประเทศบราซิลขณะนี้ และศิลาจารึกในสุสานฝังศพของ
พวกคาร์ธายิเนียน เมื่อราว 500 ปี ก่อนคริศศักราชระบุว่า
เหนือท้องทะเลแห่งนี้มีแต่ความอ้างว้าง
เงียบเหงา
คล้ายกับสุสานใหญ่ที่มองจรดขอบฟ้าไปทุกด้าน ไม่มีแรงลม
พอที่จะพัดพาเรือให้แล่นไปได้ ใต้พื้นน้ำเต็มไปด้วย
สาหร่ายทะเลอย่างหนาทึบ
ซึ่งยึดเรือทั้งหลายให้หยุดนิ่งอย่างกับกำลังมหาศาลของหนวดปลาหมึกยักษ์
ท้องทะเลบางแห่งก็ตื้นเขินซึ่งเป็นที่อาศัย
ของสัตว์ประหลาด
มหึมาหลายสิบชนิด และบางครั้งมันก็ว่ายน้ำ
เข้ามาทำลายเรือทั้งลำให้กลายเป็นผุยผงไปในพริบตา
[You must be registered and logged in to see this image.]
เรือกูดนิว
ซึ่งเป็นเรือลากจูงเครื่องดีเซล ซึ่งได้ทำสงครามชักคะเยอ
กับพลังลึกลับในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา และสามารถรอดพ้นอันตรายมาได้
ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอ็ตแลนติคภาคตะวัน
ตก
พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจาก ตอนเหนือของเบอร์มิวดาไปถึง
ตอนใต้ของรัฐฟลอริดา-และจากฟลอริดามุ่งตรงไปทาง
ตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง
ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก
จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวดาอีกซึ่งทำให้อาณา
บริเวณแห่งนี้
กลายเป็นรูป
สามเหลี่ยม
และอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด ปรากฏการณ์
อันลี้ลับ
มหัศจรรย์ขึ้น ในยุคอวกาศของชาวเรา
ในปัจจุบันเป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอกท่านว่า
เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่อง
และเรือเดินสมุทร
จำนวนอีกมากหลายได้
หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอย
ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้หายไปพร้อมกับ
พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว หรือเศษชิ้นส่วนใดๆของเรือ
หรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน
และชีวิตมนุษย์
ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม เบอร์มิวดายังคงปรากฏอยู่ต่อไป
และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ชาติต่างๆ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า
ก็หาสาเหตุแห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน
แต่ก็ไม่มีใคร
สามารถบอกสาเหตุ และหาทางป้องกัน
จากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ไม่
เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้
ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์
หรือสถานีปลายทางเป็นไปอย่างปกติ และสภาพของบรรยากาศ และทัศนะวิสัย ก็สงบ
และแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใดๆ แต่แล้ว
เมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไปอย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย
ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าว-ทาง วิทยุให้หน่วยควบคุม
การบินทราบได้
แต่ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ
นักบินมีเวลาพอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการได้ ซึ่งทุก
รายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า
ไม่สามารถควบคุมกลไก
ต่างๆ
ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุนปั่นไม่สามารถบอกทิศทางได้
ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลือง และมองดูคล้ายหมอกหนาทีบ ทั้งๆ
ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้ามาก่อน และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ
กลับปั่นป่วน ขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้
[You must be registered and logged in to see this image.]
เครื่องบินแบบเดียวกับเครื่องบินทั้ง 5 ลำ ของฝูงบินที่ 19
ที่หายสาบสูญไปทั้งฝูง
พร้อมทั้งชีวิตนักบินและพลเรือนประจำ
เครื่องรวม 14 นาย ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม
1945
[You must be registered and logged in to see this image.]
เครื่องบินแบบ kc 135
ของกองทัพอากาศสหรัฐได้หายไป 2 เครื่องในเวลาเดียวกันเมื่อเดิน สิงหาคม
1963
อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้
เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร และ
เครื่องบินเป็นจำนวนมาก ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยัง
คงเกิดขึ้นเรื่อย
ๆ ไม่ได้ขาด จนกระทั่งในปัจจุบัน ทุกครั้งที่ได้รับรายงานการสูญหาย
หน่วยยามฝั่งที่เจ็ด ของกองทัพเรือสหรัฐ
จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ
แต่ก็ประสบความ
ล้มเหลวที่จะพบพยานหลักฐานซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ได้ทุกครั้ง
และในที่สุดกอง
ทัพเรือสหรัฐก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี
้ไว้เป็นความลับ
ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใดๆ แก่ประชาชน ที่อยากรู้อยากเห็นว่า
อุบัติการณ์
ลึกลับเหล่านั้น
เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรือไม่
แต่ทั้งๆ ที่กองทัพเรือสหรัฐพยา-
ยามจะปกปิด เรื่องราวเหล่านี้ไว้
ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย ต่างๆ และเชื่อว่า จะต้องมีแรงอาถรรพ์
หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด ภายในบริเวณ
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างแน่นอน
และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีข่าวรายงานว่ามีนักบิน
และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ ในดินแดนของสาม
-
เหลี่ยมเบอร์มิวดา จึงทำให้
เกิดการฮือฮากันใหญ่ในขณะนี้
แต่อย่างไรก็ดีจวบจนกระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใดที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด
เกี่ยวแก่ความลึกลับ
และความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาได้ และการสาบสูญ
ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป
โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้
วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหลักการ
ในบางกรณี
หากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทรและเครื่องบิน
ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
จะพบว่าหาเป็นเรื่องประหลาดลึกลับแต่อย่างใดไม่เพราะเครื่องบินแต่ละลำ
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่
ล่องลอย
อยู่ในห้องโถงใหญ่
น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่มีการเคลื่อนไหว
กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง
ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัสมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ
มักจะพบเห็นอยู่บ่อย ๆซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน"
จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำและ -
แหล่งหินประการัง
มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล
โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ
ปล่องเหล่านี้เชื่อว่า
เกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อนด้วย
-กระแสน้ำใต้ทะเลมาเป็นเวลานับหมื่นปี
เคยมีนักประดาน้ำดำลงไป สำรวจปล่องต่างๆ นี้
พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง
ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน
ยิ่งกว่านั้นยังพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วย
กำลังอันมหาศาลซึ่งเป็นอันตราย
ต่อนักประดาน้ำมาก
และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน
ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือ
ลงสู่ก้นอย่างรวดเร็ว
อีกทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอนาโดซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว
จะกวาดเรือและเครื่องบิน ให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก
พายุทอร์นาโดเป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆ
ฟุตกลางอากาศและหากมันเกิดตอนกลางคืน
เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้ ก็เพราะ
นักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล
ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้น
เชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา
ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้
เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว
ปรากฏการณ์
อย่างหนึ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้
คือ
การผันแปร
ของอากาศอย่างทันทีทันใด
ที่
เรียกกันว่า
"แค๊ท (Cat -
clear
air turbulenec)"
โดยทั่วไปแล้ว "แค๊ท"
จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน
หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ
โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ
สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะที่กระแส
ลมพัดแรงและรวดเร็ว
จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันที
ซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย
แต่อย่างไรก็ดี
การผันแปรวิปริตของบรรยากาศทันทีทันใดในลักษณะเช่นนี้นั้น
จะต้องไม่ใช่สาเหตุการหายสาบสูญ ของเครื่องบินทุกลำ
ใน-บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นแน่
เพราะปรากฏการณ์ "แค๊ท"
จะไม่เป็นผล
ต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ
และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบิน
แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุ จะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป
การแปรผันของสนามแม่
เหล็กโลก
ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน
เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการทำงานของเครื่องวัดระดับ
และเข็มทิศประจำเครื่อง
ในกรณีเช่นนี้นักบินไม่มีความสามารถพอก็อาจจะนำเครื่องบินดิ่งลงสู่มหาสมุทร
ได้
ยิ่งกว่านั้นปรากฏการณ์ต่างๆ
ทางธรรมชาติอีกมากมายที่เราไม่อาจจะอธิบาย-หรือทราบสาเหตุของมันได้
Re: ===> ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา <===
ตอนนี้ก็ยังสงสัยไม่หาย = =""
เฮียโรมครับ ลองเข้าไปพิสูจน์ไหมครับ ^^;
เฮียโรมครับ ลองเข้าไปพิสูจน์ไหมครับ ^^;
Re: ===> ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา <===
*~xaou~* พิมพ์ว่า:ตอนนี้ก็ยังสงสัยไม่หาย = =""
เฮียโรมครับ ลองเข้าไปพิสูจน์ไหมครับ ^^;
ใช่ๆ เฮียโรมลองไปพิสูจน์ดูหน่อสิครับ(ผลั๊วะ/โดนตบ)
สุดท้ายแล้วมันก็ยังเป็นปริศนาเหมือนเดิม -.-
oathba555- มาเฟีย Vongola
- โพสต์แล้ว : 207
Points : 224
เปลวเพลิง : 15
วันเกิด : 03/02/1995
เข้าร่วม : 16/07/2010
Age : 29
ที่อยู่ : Italy
อาชีพ : มาเฟีย
ชื่อเล่น : แกมม่า
Re: ===> ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา <===
จริงหรือเปล่า? ( ' ')
sorasky001- จบการศึกษามาเฟีย
- โพสต์แล้ว : 511
Points : 545
เปลวเพลิง : 14
วันเกิด : 04/01/1998
เข้าร่วม : 27/06/2010
Age : 26
ที่อยู่ : 49/50
อาชีพ : นักเรียน
ชื่อเล่น : IM
Re: ===> ปริศนาสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา <===
สงสัยจะเป็นฐานลับของแก๊งมาเฟีย 5555+
elike2010- จบการศึกษามาเฟีย
- โพสต์แล้ว : 706
Points : 710
เปลวเพลิง : 4
วันเกิด : 13/10/1992
เข้าร่วม : 31/07/2010
Age : 32
ที่อยู่ : พเนจร
อาชีพ : นักฆ่าอันดับ 2
ชื่อเล่น : AnGle OF Death
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ