กำเนิดปากกา
4 posters
หน้า 1 จาก 1
กำเนิดปากกา
นอกจากตัวอักษรหรือตัวหนังสือซึ่งมนุษย์ได้คิดประดิษฐ์ขึ้นมาใช้แล้ว "
เครื่องมือ " หรือ " อุปกรณ์ "
ที่ใช้สำหรับการขีดเขียนก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
เพราะกว่าที่เราจะเขียนหนังสือด้วย "ปากกา " หรือ " ดินสอ "
ดังเช่นในปัจจุบันนี้
มนุษย์ต้องใช้เวลาในการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการขีดเขียนเป็นเวลานานหลาย
พันปี
ในยุคอดีตมนุษย์อาจจะใช้นิ้วจุ่มดินหรือหินสี
ที่บดเป็นผงผสมกับยางไม้ หรือกาวจากหนังสัตว์ ขีดเขียนบนผนังถ้ำหรือเพิงผา
ต่อมาอาจใช้ ดิน หิน ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
โดยการนำมาฝนหรือทำให้เป็นแท่งเพื่อความสะดวกในการขีดเขียน เช่น
นำหินชนวนมาทำเป็นดินสอหิน สำหรับเขียนบนกระดานชนวน
หรือการทำชอล์กจากผงแคลเซียมซัลเฟต จากเกลือจืด หรือยิปซัมผสมน้ำ
แล้วทำให้เป็นแท่งเพื่อสะดวกในการใช้งาน เช่นในปัจจุบันนี้
วิวัฒนาการของการเขียน
จากการเขียนบนฝาผนังถ้ำ นำมาสู่การเขียนบนแผ่นไม้หรือแผ่นโลหะ
ตลอดถึงการเขียนบนใบไม้ (เขียนหรือจารคัมภีร์โบราณลงบนใบลาน)
มาจนถึงการประดิษฐ์กระดาษขึ้นใช้ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
มนุษย์ได้มีการพัฒนาเครื่องมือและกรรมวิธีในการเขียนมาอย่างต่อเนื่อง
ชาวอียิปต์โบราณเป็นชาติแรกที่ใช้แปรงเขียนหนังสือบนแผ่นกระดาษที่ทำจากต้น
ปาปิรุส (papyrus)
เป็นการเริ่มต้นวิธีการเขียนด้วยการปล่อยหมึกหรือสีบนแผ่นรองเขียน
เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือด้วยพู่กันของจีนและญี่ปุ่น
ซึ่งอาจเป็นแนวความคิดเบื้องต้นที่พัฒนาไปสู่การประดิษฐ์ปากกา
ชาวกรีกโบราณประดิษฐ์ปากกาขึ้นจากต้นกกไส้กลวง โดยการปาดให้มีปากหลายๆแบบ
ทำให้เขียนเส้นได้หลายขนาด
ปากกานี้ไม่ใช้หมึกแต่ใช้เขียนบนผิวไม้ที่เคลือบขี้ผึ้งไว้
ทำให้เกิดรอยเป็นตัวอักษรบนผิวขี้ผึ้ง
"ปากกาแพร่หลายในอังกฤษ"
การนำวัสดุผิวเรียบมาเป็นสิ่งรองเขียนก่อให้เกิดการพัฒนา " เครื่องเขียน
" ที่มีระสิทธิ ภาพสอดคล้องกับการใช้สอย
มนุษย์เริ่มนำขนนกหรือขนห่านมาทำเป็น " ปากกา " เรียกว่า " ปากไก่ "
สามารถเขียนได้คมชัดและเขียนติดต่อกันได้นาน ในศตวรรษที่ 5 " ปากไก่ "
เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ
นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเขียนหนังสือของชาวตะวันตก
ในขณะที่ชาวตะวันออกยังนิยมใช้พู่กันไม้อยู่ แต่ทั้ง "ปากไก่" และ
"พู่กัน" ไม่มีหมึกในตัวเอง
ต้องจุ่มหมึกทุกครั้งที่ใช้เขียนทำให้เขียนได้ไม่สะดวก
ต่อมาประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 15 มนุษย์เริ่มประดิษฐ์ " ปากกา "
ที่มีปากเป็นโลหะและมีรอยผ่าตรงกลางปาก
ทำให้เขียนได้นานโดยไม่ต้องจุ่มหมึกทุกครั้งที่เขียน
ในประเทศอังกฤษมีการทำปากกาชนิดนี้ขึ้นใช้กันอย่างแพร่หลาย มีการผลิต "
ปากกา " ที่ปลายปากทำด้วยวัสดุต่างๆกัน เช่น เขาสัตว์ เปลือกหอย
เหล็กและทอง มีการผลิตกันมากขึ้นจนกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรม
แข่งขันกันในเรื่องของความสวยงาม
พร้อมกับประดิษฐ์กล่องและที่ใส่หมึกควบคู่ไปกับปากกาด้วย
แม้ว่าจะได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย
แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถประดิษฐ์ปากกาที่มีหมึกในตัวเองได้
"บิดาแห่งการประดิษฐ์ปากกาหมึกซึม"
ปี ค.ศ. 1884 Lewis Edson Waterman ได้ผลิตปากกาที่มีหมึกในตัว
เรียกว่า " ปากกาหมึกซึม " (Fountain pen ) ที่นิวยอร์ก
ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงถือว่า Waterman
เป็นบิดาแห่งการประดิษฐ์ปากกาหมึกซึม
มีการคิดค้นพัฒนาปากกาชนิดนี้ให้มีคุณภาพดีขึ้น
สะดวกในการใช้งานและมีรูปทรงสวยงาม ผลิตในระดับอุตสาหกรรมทั้งในอเมริกา
ยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ สืบต่อมาจนถึงในปัจจุบัน
มีนักประดิษฐ์ปากกาที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี อาทิเช่น George
Parker, Walter A. Sheaffer เป็นต้น
และได้ครอบครองความเป็นจ้าวแห่งเครื่องมือสำหรับการเขียนมาโดยตลอดเป็นเวลา
นานหลายสิบปี
ในปี ค.ศ. 1900 " ปากกาหมึกซึม "
ได้พบคู่แข่งใหม่นั่นก็คือ " ปากกาลูกลื่น " ปากกาที่มีลูกกลิ้ง ( Ball )
กลมๆเล็กๆ อยู่ที่ปลายปาก เวลาเขียนลูกกลมๆเล็กๆนี้จะหมุน ( กลิ้ง )
ทำให้หมึกออกมาติดบนกระดาษ ปากกาชนิดนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 100 กว่าปีมาแล้ว
โดยชาวอเมริกาชื่อ จอห์น เอช. ลาวด์
เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ขีดเขียนบนพื้นที่หยาบๆ ซึ่งไม่ใช่กระดาษ
ปลายปี ค.ศ. 1930 นักหนังสือพิมพ์และศิลปินชาวฮังกาเรียน ชื่อ ไบโร
ได้ประดิษฐ์ปากกาลูกลื่นขึ้นมาใหม่
ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นบรรณาธิการนิตยสารฉบับหนึ่ง ที่กรุงบูดาเปสต์
ประเทศฮังการี ไบโรได้เกิดแนวความคิดจากหมึกแห้ง ( Quick - drying ink )
ที่ช่างพิมพ์ในโรงพิมพ์นั้นใช้พิมพ์หนังสือ
จึงคิดหาวิธีนำหมึกชนิดนี้มาบรรจุลงในปากกา
โดยที่หมึกจะไม่ไหลและหย[คำไม่พึงประสงค์]อกมาจนเปื้อนกระดาษ
ในที่สุดก็ประดิษฐ์ปากกาที่ใช้หมึกแห้งขึ้นมาจนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งก็คือ "
ปากกาลูกลื่น " ( Ball - point pen )
สามารถใช้ขีดเขียนโดยไม่มีหมึกหยดและไหลเปรอะเปื้อนเหมือนปากกาหมึกซึมแบบ
เก่า
เส้นทางของปากกาลูกลื่น
ปี ค.ศ. 1938
ไบโรได้ทำการจดทะเบียนสงวนลิขสิทธิ์ แต่ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
ขึ้นมาก่อน เขาจึงได้หนีนาซีไปอยู่ที่ฝรั่งเศส สเปน และเร่ร่อนไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็ไปอยู่ที่ประเทศอาร์เจนตินา
ต้นปี ค.ศ. 1940 ณ
กรุงบัวโนส ไอเรส
ไบโรได้รับความช่วยเหลือจากพี่ชายซึ่งเป็นนักเคมีผลิตปากกาลูกลื่นออก
จำหน่าย แต่เนื่องจากขาดทุนทรัพย์
เขาจึงขายลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์นี้ให้กับราชการทหารของอังกฤษและสหรัฐ
อเมริกาในราคาไม่กี่เหรียญ ภายหลังลิขสิทธิ์ได้ถูกขายต่อให้กับบริษัท BIC
( ของฝรั่งเศส ) ทำการผลิตปากกาลูกลื่นยี่ห้อ BIC ออกจำหน่ายไปทั่วโลก
ในระหว่างปี ค.ศ. 1950 - 1980 สามารถจำหน่ายได้กว่า 10 ล้านด้าม / วัน
ในขณะเดียวกับที่ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริงกลับไม่ประสบกับความ
สำเร็จในชีวิต
สิ่งที่คงเหลืออยู่ก็คือความภูมิใจในสิ่งประดิษฐ์ที่คนทั่วโลกรู้จักและใช้
ประโยชน์มาตราบเท่าทุกวันนี้
ที่มา [You must be registered and logged in to see this link.]
เครื่องมือ " หรือ " อุปกรณ์ "
ที่ใช้สำหรับการขีดเขียนก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
เพราะกว่าที่เราจะเขียนหนังสือด้วย "ปากกา " หรือ " ดินสอ "
ดังเช่นในปัจจุบันนี้
มนุษย์ต้องใช้เวลาในการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการขีดเขียนเป็นเวลานานหลาย
พันปี
ในยุคอดีตมนุษย์อาจจะใช้นิ้วจุ่มดินหรือหินสี
ที่บดเป็นผงผสมกับยางไม้ หรือกาวจากหนังสัตว์ ขีดเขียนบนผนังถ้ำหรือเพิงผา
ต่อมาอาจใช้ ดิน หิน ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
โดยการนำมาฝนหรือทำให้เป็นแท่งเพื่อความสะดวกในการขีดเขียน เช่น
นำหินชนวนมาทำเป็นดินสอหิน สำหรับเขียนบนกระดานชนวน
หรือการทำชอล์กจากผงแคลเซียมซัลเฟต จากเกลือจืด หรือยิปซัมผสมน้ำ
แล้วทำให้เป็นแท่งเพื่อสะดวกในการใช้งาน เช่นในปัจจุบันนี้
วิวัฒนาการของการเขียน
จากการเขียนบนฝาผนังถ้ำ นำมาสู่การเขียนบนแผ่นไม้หรือแผ่นโลหะ
ตลอดถึงการเขียนบนใบไม้ (เขียนหรือจารคัมภีร์โบราณลงบนใบลาน)
มาจนถึงการประดิษฐ์กระดาษขึ้นใช้ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
มนุษย์ได้มีการพัฒนาเครื่องมือและกรรมวิธีในการเขียนมาอย่างต่อเนื่อง
ชาวอียิปต์โบราณเป็นชาติแรกที่ใช้แปรงเขียนหนังสือบนแผ่นกระดาษที่ทำจากต้น
ปาปิรุส (papyrus)
เป็นการเริ่มต้นวิธีการเขียนด้วยการปล่อยหมึกหรือสีบนแผ่นรองเขียน
เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือด้วยพู่กันของจีนและญี่ปุ่น
ซึ่งอาจเป็นแนวความคิดเบื้องต้นที่พัฒนาไปสู่การประดิษฐ์ปากกา
ชาวกรีกโบราณประดิษฐ์ปากกาขึ้นจากต้นกกไส้กลวง โดยการปาดให้มีปากหลายๆแบบ
ทำให้เขียนเส้นได้หลายขนาด
ปากกานี้ไม่ใช้หมึกแต่ใช้เขียนบนผิวไม้ที่เคลือบขี้ผึ้งไว้
ทำให้เกิดรอยเป็นตัวอักษรบนผิวขี้ผึ้ง
"ปากกาแพร่หลายในอังกฤษ"
การนำวัสดุผิวเรียบมาเป็นสิ่งรองเขียนก่อให้เกิดการพัฒนา " เครื่องเขียน
" ที่มีระสิทธิ ภาพสอดคล้องกับการใช้สอย
มนุษย์เริ่มนำขนนกหรือขนห่านมาทำเป็น " ปากกา " เรียกว่า " ปากไก่ "
สามารถเขียนได้คมชัดและเขียนติดต่อกันได้นาน ในศตวรรษที่ 5 " ปากไก่ "
เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ
นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเขียนหนังสือของชาวตะวันตก
ในขณะที่ชาวตะวันออกยังนิยมใช้พู่กันไม้อยู่ แต่ทั้ง "ปากไก่" และ
"พู่กัน" ไม่มีหมึกในตัวเอง
ต้องจุ่มหมึกทุกครั้งที่ใช้เขียนทำให้เขียนได้ไม่สะดวก
ต่อมาประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 15 มนุษย์เริ่มประดิษฐ์ " ปากกา "
ที่มีปากเป็นโลหะและมีรอยผ่าตรงกลางปาก
ทำให้เขียนได้นานโดยไม่ต้องจุ่มหมึกทุกครั้งที่เขียน
ในประเทศอังกฤษมีการทำปากกาชนิดนี้ขึ้นใช้กันอย่างแพร่หลาย มีการผลิต "
ปากกา " ที่ปลายปากทำด้วยวัสดุต่างๆกัน เช่น เขาสัตว์ เปลือกหอย
เหล็กและทอง มีการผลิตกันมากขึ้นจนกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรม
แข่งขันกันในเรื่องของความสวยงาม
พร้อมกับประดิษฐ์กล่องและที่ใส่หมึกควบคู่ไปกับปากกาด้วย
แม้ว่าจะได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย
แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถประดิษฐ์ปากกาที่มีหมึกในตัวเองได้
"บิดาแห่งการประดิษฐ์ปากกาหมึกซึม"
ปี ค.ศ. 1884 Lewis Edson Waterman ได้ผลิตปากกาที่มีหมึกในตัว
เรียกว่า " ปากกาหมึกซึม " (Fountain pen ) ที่นิวยอร์ก
ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงถือว่า Waterman
เป็นบิดาแห่งการประดิษฐ์ปากกาหมึกซึม
มีการคิดค้นพัฒนาปากกาชนิดนี้ให้มีคุณภาพดีขึ้น
สะดวกในการใช้งานและมีรูปทรงสวยงาม ผลิตในระดับอุตสาหกรรมทั้งในอเมริกา
ยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ สืบต่อมาจนถึงในปัจจุบัน
มีนักประดิษฐ์ปากกาที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี อาทิเช่น George
Parker, Walter A. Sheaffer เป็นต้น
และได้ครอบครองความเป็นจ้าวแห่งเครื่องมือสำหรับการเขียนมาโดยตลอดเป็นเวลา
นานหลายสิบปี
ในปี ค.ศ. 1900 " ปากกาหมึกซึม "
ได้พบคู่แข่งใหม่นั่นก็คือ " ปากกาลูกลื่น " ปากกาที่มีลูกกลิ้ง ( Ball )
กลมๆเล็กๆ อยู่ที่ปลายปาก เวลาเขียนลูกกลมๆเล็กๆนี้จะหมุน ( กลิ้ง )
ทำให้หมึกออกมาติดบนกระดาษ ปากกาชนิดนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 100 กว่าปีมาแล้ว
โดยชาวอเมริกาชื่อ จอห์น เอช. ลาวด์
เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ขีดเขียนบนพื้นที่หยาบๆ ซึ่งไม่ใช่กระดาษ
ปลายปี ค.ศ. 1930 นักหนังสือพิมพ์และศิลปินชาวฮังกาเรียน ชื่อ ไบโร
ได้ประดิษฐ์ปากกาลูกลื่นขึ้นมาใหม่
ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นบรรณาธิการนิตยสารฉบับหนึ่ง ที่กรุงบูดาเปสต์
ประเทศฮังการี ไบโรได้เกิดแนวความคิดจากหมึกแห้ง ( Quick - drying ink )
ที่ช่างพิมพ์ในโรงพิมพ์นั้นใช้พิมพ์หนังสือ
จึงคิดหาวิธีนำหมึกชนิดนี้มาบรรจุลงในปากกา
โดยที่หมึกจะไม่ไหลและหย[คำไม่พึงประสงค์]อกมาจนเปื้อนกระดาษ
ในที่สุดก็ประดิษฐ์ปากกาที่ใช้หมึกแห้งขึ้นมาจนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งก็คือ "
ปากกาลูกลื่น " ( Ball - point pen )
สามารถใช้ขีดเขียนโดยไม่มีหมึกหยดและไหลเปรอะเปื้อนเหมือนปากกาหมึกซึมแบบ
เก่า
เส้นทางของปากกาลูกลื่น
ปี ค.ศ. 1938
ไบโรได้ทำการจดทะเบียนสงวนลิขสิทธิ์ แต่ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
ขึ้นมาก่อน เขาจึงได้หนีนาซีไปอยู่ที่ฝรั่งเศส สเปน และเร่ร่อนไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็ไปอยู่ที่ประเทศอาร์เจนตินา
ต้นปี ค.ศ. 1940 ณ
กรุงบัวโนส ไอเรส
ไบโรได้รับความช่วยเหลือจากพี่ชายซึ่งเป็นนักเคมีผลิตปากกาลูกลื่นออก
จำหน่าย แต่เนื่องจากขาดทุนทรัพย์
เขาจึงขายลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์นี้ให้กับราชการทหารของอังกฤษและสหรัฐ
อเมริกาในราคาไม่กี่เหรียญ ภายหลังลิขสิทธิ์ได้ถูกขายต่อให้กับบริษัท BIC
( ของฝรั่งเศส ) ทำการผลิตปากกาลูกลื่นยี่ห้อ BIC ออกจำหน่ายไปทั่วโลก
ในระหว่างปี ค.ศ. 1950 - 1980 สามารถจำหน่ายได้กว่า 10 ล้านด้าม / วัน
ในขณะเดียวกับที่ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริงกลับไม่ประสบกับความ
สำเร็จในชีวิต
สิ่งที่คงเหลืออยู่ก็คือความภูมิใจในสิ่งประดิษฐ์ที่คนทั่วโลกรู้จักและใช้
ประโยชน์มาตราบเท่าทุกวันนี้
ที่มา [You must be registered and logged in to see this link.]
นายสัญญาใจ- เหยื่อมาเฟีย
- โพสต์แล้ว : 3
Points : 5
เปลวเพลิง : 0
วันเกิด : 20/07/1995
เข้าร่วม : 30/06/2010
Age : 29
ที่อยู่ : โลก
อาชีพ : คน
ชื่อเล่น : เนะ
Re: กำเนิดปากกา
หือ ทำยากจัง
osonteenzao- อัลโกบาเลโน่
- โพสต์แล้ว : 117
Points : 174
เปลวเพลิง : 26
วันเกิด : 08/11/1994
เข้าร่วม : 27/06/2010
Age : 30
ที่อยู่ : หน้าคอม
อาชีพ : ยาม
ชื่อเล่น : เบียร์คุยำ
Re: กำเนิดปากกา
ใจมากจ้า
elike2010- จบการศึกษามาเฟีย
- โพสต์แล้ว : 706
Points : 710
เปลวเพลิง : 4
วันเกิด : 13/10/1992
เข้าร่วม : 31/07/2010
Age : 32
ที่อยู่ : พเนจร
อาชีพ : นักฆ่าอันดับ 2
ชื่อเล่น : AnGle OF Death
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ